เมนูนำทาง
เฝิง โหย่วหลาน ในช่วงปี 1923 – 1949ปี 1923 เขาได้กลับประเทศจีนแล้วเริ่มต้นสอนหนังสือในตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านปรัชญา ควบตำแหน่งคณบดีคณะอักษรศาสตร์และหัวหน้าภาควิชาปรัชญาแห่งมหาวิทยาลัยจงโจว (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเหอหนาน) ในฤดูใบไม้ร่วงของปี 1925 ได้รับหน้าที่เป็นศาสตราจารย์และหัวหน้าภาควิชาปรัชญาแห่งมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็นเมืองกว่างโจว ปลายปีเขาได้ย้ายไปสอนหนังสือที่ภาคเหนือของประเทศจีน ปี ค.ศ.1926 เป็นศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเยียนจิง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี ค.ศ.1928 ได้รับหน้าที่เป็นศาสตราจารย์สอนปรัชญาและหัวหน้าภาควิชาปรัชญาแห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว และปีถัดไปได้รับตำแหน่งเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์ควบไปด้วย
หนังสือ “ประวัติศาสตร์ปรัชญาจีน” 《中国哲学史》ของเฝิง โหย่วหลานมีสองเล่ม เล่มแรกได้ตีพิมพ์เมื่อปี 1931 ส่วนเล่มสองตีพิมพ์เมื่อปี 1934 ปรัชญาสำนักขงจื่อได้รับการยกย่องทางด้านการปกครองในประวัติศาสตร์ปรัชญาจีน
ปี ค.ศ.1934 เฝิง โหย่วหลานได้รับเชิญให้ไปเยือนที่ประเทศสาธารณรัฐเช็กและสหภาพโซเวียต หลังจากที่กลับจากโซเวียตได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความรู้เกี่ยวสหภาพโซเวียตและวัตถุนิยมเชิงประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฝ่ายพรรคก๊กมินตั๋งไม่พอใจและได้จับกุมตัวเขามาดำเนินคดี แต่สุดท้ายก็ได้รับการปล่อยตัว จากนั้นเขาก็เข้าหาฝ่ายก๊กมินตั๋งและเข้าร่วมพรรคก๊กมินตั๋งในที่สุด และปี ค.ศ.1935 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของสภาพรรคก๊กมินตั๋งในการประชุมครั้งที่ 5 ที่ประเทศจีน
ในปี ค.ศ.1937 สงครามจีน – ญี่ปุ่นได้ปะทุขึ้น เฝิง โหย่วหลานได้ย้ายตามมหาวิทยาลัยชิงหัวไปยังเมืองฉางชา และย้ายไปที่เมืองคุนหมิงในภายหลัง และได้รับหน้าที่เป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญาและคณบดีคณะอักษรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยรวมซีหนาน ต่อมาได้เกิดความแตกแยกกันของสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง เฝิง โหย่วหลานจึงเข้าร่วมพรรคก๊กมินตั๋งอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1939 ในระหว่างที่ได้พำนักที่เมืองคุนหมิง เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ “ซินหลี่เสว”《新理学》ในปี 1939, “ซินชื่อลุ่น”《新事论》ในปี 1940, “ซินชื่อซวิ่น”《新事训》ในปี 1940, “ซินหยวนเหริน”《新原人》ในปี 1943, “ซินหยวนเต้า”《新厡道》ในปี 1944, “ซินจือเหยียน”《新知言》ในปี 1946 รวมทั้งหมด 6 เล่ม เรียกหนังสือทั้งหมดนี้ว่า “หนังสือชุดเจินหยวน 6 เล่ม” (贞元六书) เขาได้ยกย่องลัทธิขงจื่อดั้งเดิมต่อไป และได้รวบรวมแนวคิดของลัทธิขงจื่อ แล้วได้เข้าร่วมขบวนการการเคลื่อนไหวชีวิตใหม่กับพรรคก๊กมินตั๋ง ในช่วงเวลาที่สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรวมซีหนาน เฝิง โหย่วหลานมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับขุนพลระดับสูงของพรรคก๊กมินตั๋ง ปี ค.ศ.1942 เขาไปสอนหนังสือให้สมาชิกพรรคก๊กมินตั๋งที่ฉงชิ่ง ปี 1943 เขามีชื่อเสียงโด่งดังจากมหาวิทยาลัยซีหนาน เขาได้ส่งจดหมาย “ครองใจประชาชน” ไปให้เจียงไคเช็กอ่าน เจียงอ่านว่า “เคลื่อนไหวเพื่อประชาชน หลั่งน้ำตาเพื่อประชาชน (为之动容,为之泪下)” ปี ค.ศ. 1945 เฝิง โหย่วหลานได้รับเลือกให้เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของพรรคก๊กมินตั๋ง ครั้งที่ 6 [2]
ในปี ค.ศ.1946 จีนประกาศชัยชนะสงครามต่อต้านญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยรวมซีหนานได้แยกตัวออกมา แล้วมหาวิทยาลัยชิงหัวได้กลับไปตั้งอยู่ที่นครเป่ย์ผิง(ปักกิ่งในปัจจุบัน) เฝิง โหย่วหลานได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ไปเป็นศาสตราจารย์พิเศษเป็นระยะเวลา 1 ปี เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ “ประวัติศาสตร์ปรัชญาจีนฉบับสังเขป” ซึ่งได้มาจากการรวบรวมการบรรยายในแต่ละครั้ง ปี ค.ศ.1948 เขาเดินทางกลับประเทศจีนแล้วไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยชิงหัวโดยทำหน้าที่เป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญา คณบดีคณะอักษรศาสตร์และหัวหน้าภาควิชาปรัชญาเช่นเดิม ต่อมาได้รับเลือกให้เป็นนักวิชาการประจำสถาบันวิจัยแห่งชาติเป็นคนแรก (ในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)[3] และเป็นนักวิจารณ์ในการประชุมพิจารณ์ที่สถาบันวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 3 [4]
เมนูนำทาง
เฝิง โหย่วหลาน ในช่วงปี 1923 – 1949ใกล้เคียง
เฝิง โหย่วหลาน เฝิง เช่าเฟิง เฝิง คุน เฝิง กั๋วจาง เฝิง ยิงฉี เฝิง ยฺเวี่ยนเจิน เฝิง หย่วนเจิง เฉินหลง เชิง เฉิงเซียวแหล่งที่มา
WikiPedia: เฝิง โหย่วหลาน http://news.ifeng.com/history/zhongguojindaishi/de... https://web.archive.org/web/20180425114530/http://...